บทความ

Unbalanced และ Balanced คืออะไร? มาทำความรู้จักกันเถอะครับ

โดย Millionhead ในวันที่ 24 พ.ค. 2560, 18:06 น.

image

มาทำความรู้จักกับ Unbalanced และ Balanced กันครับ

       กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาว MillionHead ทุกท่าน เคยมั้ยครับ เวลาที่เราจะต่อลำโพงมอนิเตอร์ แล้วเจอกับช่องที่เขียนว่า Balanced กับ Unbalanced หลายๆคนคงต้องเคยสงสัยว่า มันคืออะไร มันต่างกันยังไง มันทำอะไรได้ อันไหนเป็นยังไง วันนี้ ผมจะมาไขข้อข้องใจให้กับเพื่อนๆ ทุกท่านเองครับ





 

มันคืออะไร ??
        ต้องขอกล่าวในเบื้องต้นก่อนว่า สายสัญญาณทั้งหมดเนี่ย มีอยู่สองประเภทนั่นเอง ก็คือ สายสัญญาณแบบ Balanced กับสายสัญญาณแบบ Unbalanced นั่นเอง ซึ่งการรู้จักสายสัญญาณแต่ละชนิดนั้น ถือว่ามีความสำคัญต่อคุณภาพเสียงเป็นอย่างมาก เพราะการเลือกใช้ผิดประเภทจะทำให้มีสัญญาณรบกวน หรือที่เรียกว่า Noise เกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่ดีแน่นอนสำหรับชาว MillionHead ผู้จริงจังกับเรื่องซาวด์แบบเรา เพราะฉะนั้น มันจะต่างกันอย่างไรนั้น สายแบบไหนใช้กับอะไร ยังไง เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง



สายสัญศาณแบบ Unbalanced มักใช้กับหัวแจ๊คแบบ TS หรือ RCA

 

สายสัญญาณแบบ Unbalanced
มาเริ่มกันที่สายสัญญาณประเภทแรกกันก่อน กับสายสัญญาณแบบ Unbalanced โดยเจ้าสายสัญญาณชนิดนี้เนี่ย เมื่อเราผ่ามันออกมา เราจะเห็นว่าด้านในจะมีสายอยู่สองเส้น โดยเส้นนึง จะเป็นสายหลักที่ทำหน้าที่นำสัญญาณ ส่วนอีกเส้นนึงจะเป็นสายกราวด์ที่พันอยู่รอบสายสัญญาณหลัก ซึ่งเจ้าสายกราวด์เนี่ย จะทำหน้าที่กันสัญญาณรบกวนเช่น เสียงฮัม เสียงจี่ต่างๆที่เกิดจากกีต้าร์ ส่วนถ้าเป็นเครื่องเสียงก็จะกันพวกสัญญาณวิทยุแทรกต่างๆ แต่ขณะเดียวกันมันก็ยังทำหน้าที่นำสัญญาณบางส่วนอีกด้วย ซึ่งการที่มันต้องทำหน้าที่นำสัญญาณด้วยนั่นเองที่ทำให้เกิดปัญหาเพราะสัญญาณรบกวนบางส่วนนั้นกลับถูกส่งผ่านสายกราวด์ไปด้วย ซึ่งถ้าเป็นสายแบบสั้นๆนั้นก็ยังไม่มีปัญหามากนัก แต่ถ้าสายสัญญาณยิ่งมีความยาวมากขึ้นเท่าใด สัญญาณรบกวนก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น โดยส่วนมากสายสัญญาณแบบ Unbalanced มักใช้หัวแจ๊คแบบ TS หรือ RCA ซึ่งความยาวที่พอเหมาะของสายสัญญาณประเภทนี้จะอยู่ที่ 4-6 เมตร นั่นเอง ถ้าเกินกว่านี้อาจจะเริ่มพบกับปัญหาที่สัญญาณดรอปนั่นเอง






สายสัญญาณแบบ Balanced
สำหรับสายสัญญาณแบบ Balanced นั้น เมื่อเราผ่ามันออกมา เราจะเห็นว่าด้านในจะมีสายอยู่ 3 เส้น  2 เส้นสำหรับนำสัญญาณ และอีก 1 เส้นคือสายกราวด์ ซึ่งจะพันอยู่รอบสายนำสัญญาณหลัก โดยสายกราวด์ก็ยังทำหน้าที่ป้องกันสัญญาณรบกวนต่างๆเช่นเดิม ส่วนเจ้าสายสำหรับนำสัญญาณสองเส้นนั้น ทั้งสองเส้นต่างก็ทำหน้าที่นำสัญญาณตัวเดียวกัน แต่จะกลับขั้วกัน  เพื่อที่ว่า เมื่อมีสัญญาณรบกวนแทรกเข้ามา มันจะสามารถหักล้างกันเองได้เพื่อให้สัญญาณกลับไปเท่าเดิม เช่น ถ้าสัญญาณเส้นนึงเป็น +1 อีกเส้นจะเป็น –1 เมื่อนำมาหักล้างกัน ก็จะกลายเป็นศูนย์ ซึ่งก็หมายความว่า สัญญาณรบกวนทั้งหมดจะถูกหักล้างกันไป ส่งผลให้ไม่มีสัญญาณรบกวนใดๆทั้งสิ้นนั่นเอง นอกจากนี้ส่วนมากเรามักพบสายสัญญาณแบบ Balanced ใช้หัวแจ๊คแบบ XLR หรือหัวสามขาแบบที่ใช้ต่อกับไมโครโฟนนั่นเอง





 

สายแบบไหนใช้กับอะไร
สายสัญญาณแบบ Unbalanced นั้นใช้ได้ดีกับการเชื่อมต่อเครื่องดนตรี เช่น จากกีต้าร์,เบส ไปสู่แอมป์ แต่เนื่องจากมันป้องกันสัญญาณรบกวนได้ไม่ดีนัก จึงควรใช้ที่ความยาว ราวๆ 4-6 เมตร โดยเฉพาะเมื่อใช้ในสถานที่ๆมีสัญญาณรบกวนมาก หรือใช้กับอุปกรณ์ที่มีความแรง Input น้อย เช่น คีย์บอร์ด หรือเครื่องเล่น MP3 เป็นต้น

สายสัญญาณแบบ Balanced นั้นรองรับความยาวได้มากกว่า โดยสามารถใช้ได้ถึง 15-30 เมตรเลยทีเดียว แต่ก็ไม่แปลกที่จะเห็นว่าสาย Balanced นั้นถูกใช้กับการเชื่อมต่อระยะไม่ไกลมาก เช่นการใช้กับไมโครโฟน ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เช่นระบบ Processor ต่างๆในห้องบันทึกเสียงเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การใช้สายสัญญาณแบบ Balanced กับอุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณแบบ Unbalanced นั้นถือได้ว่าไม่มีประโยชน์ (เช่นการใช้สาย Balanced กับ กีต้าร์) เนื่องจากหัวแจ๊คทั้งสองข้างต้องเป็นหัวแบบเดียวกัน ถึงจะสามารถกลับเฟสสัญญาณเพื่อลบสัญญาณรบกวนได้ ในทางกลับกัน การใช้สายสัญญาณแบบ Unbalanced กับ อุปกรณ์ที่ส่งสัญญาณแบบ Balanced นั้น สามารถทำได้ แต่สัญญาณรบกวนต่างๆก็จะเพิ่มมากขึ้น จึงถือว่าไม่ควรทำเช่นกัน นอกจากนี้ ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้งานสายสัญญาณแบบ Unbalanced ในระยะทางไกลๆ อาจต้องใช้ Direct Box หรือที่เรียกสั้นๆว่า DI Box เข้าช่วย ซึ่งมันจะช่วยแปลงสัญญาณที่เป็น Unbalanced ให้เป็น Balanced นั่นเอง




 

เป็นยังไงกันบ้างครับ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆชาว MillionHead ได้รับความรู้ เกี่ยวกับสัญญาณและสายสัญญาณทั้งสองแบบกันไป ไม่มากก็น้อย ส่วนโอกาสหน้า จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ติดตามได้ทาง www.millionheadpro.com รวมถึงทางเฟสบุ๊คของเรานะครับ ที่ www.facebook.com/millionheadpro สำหรับวันนี้คงต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ

ปล.ขอบคุณที่มาจาก http://www.aviom.com/

สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

Line@ : @millionheadpro
Facebook : millionheadpro
Instagram : millionheadpro